หลวงพ่อผิว ปะนันโท



พระครูปริยัติวราทร (หลวงพ่อผิว  ปะนันโท)

พระนักพัฒนาผู้นำศรัทธาของชุมชน



หลวงพ่อมีนามเดิมว่า ผิว รัตนจินดา เกิดเมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๕๖ ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๕ ปีฉลู ณ ตำบลเสม็ด อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี เป็นบุตรของ คุณพ่อพลัด รัตนจินดา และคุณแม่ผ่อง รัตนจินดา เป็นบุตรคนเดียวของพ่อแม่

       วัยเด็กเรียนหนังสือที่โรงเรียนพุทธยาคม วัดเขาบางทราย จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ อายุ ๑๕ ปีบรรพชาเป็นสามเณร อายุ ๒๐ ปี อุปสมบท ณ วัดเขาบางทราย โดยมีสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวรเถร) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระเขมทัสสี  เป็นพระกรรมวาจารย์ พระปลัดฮวดหลี เป็นพระอนุสาวนาจารย์ และอยู่ประจำที่วัดเขาบางทราย คุณแม่พัน  สุขบท ปวารณาเป็นโยมอุปัฏฐาก ท่านศึกษาพระปริยัติธรรม สอบได้นักธรรมชั้นเอก จึงย้ายไปจำพรรษาที่วัดเทพศิรินทร์ เรียนบาลีไวยากรณ์สอบได้เปรียญธรรม ๓ ประโยค จึงกลับมาอยู่วัดเขาบางทรายตามเดิม และเป็นครูสอนปริยัติธรรมอยู่หลายปี ท่านมีความกตัญญูต่อเจ้าประคุณสมเด็จ พระอุปัชฌาย์เป็นอย่างยิ่ง ท่านคอยอุปัฏฐากรับใช้และให้ความเคารพในองค์อุปัชฌาย์เป็นอย่างยิ่ง ท่านมักจะกล่าวสรรเสริญคุณความดีของสมเด็จอุปัชฌาย์เป็นประจำ และได้เจริญรอยตามแบบอย่างสมเด็จอุปัชฌาย์ทุกประการ

 

                                  

       ในปี พ.ศ. ๒๔๘๖ วัดศรีมหาราชาได้ว่างเจ้าอาวาสลง ท่านเจ้าพระคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ มีบัญชาให้หลวงพ่อผิวมาเป็นเจ้าอาวาสที่วัดศรีมหาราชา ท่านเป็นแบบอย่างของพระภิกษุ สามเณร ในการปฏิบัติ จนเป็นเลื่อมใส ศรัทธาของพุทธศาสนิกชน เป็นเคารพของชาวศรีราชา และมีความเจริญในธรรมโดยลำดับ

       พ.ศ. ๒๔๙๖ ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์

         พ.ศ. ๒๕๐๖ ได้รับแต่งตั้งเป็นพระครูพุทธภาคประกาศ ฐานาของท่านเจ้าคุณพรหมมุนี วัดบวรนิเวศวิหาร                               และตำแหน่งเจ้าคณะตำบลศรีราชา

         พ.ศ. ๒๕๐๖ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณะศักดิ์เป็นพระครูชั้นตรีในราชทินนาม พระครูปริยัติวราทร

         พ.ศ. ๒๕๐๗ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะอำเภอศรีราชาฝ่ายธรรมยุต

         พ.ศ. ๒๕๐๘ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณะศักดิ์เป็นพระครูชั้นโทในราชทินนาม พระครูปริยัติวราทร

         พ.ศ. ๒๕๒๓ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณะศักดิ์เป็นพระครูชั้นเอก ในราชทินนาม พระครูปริยัติวราทร

 

ท่านพระครูปริยัติวราทร หรือหลวงพ่อผิวของชาวศรีราชา เป็นผู้ที่มีน้ำใจเสียสละเป็นอย่างมาก เป็นนักปราชญ์ และนักพัฒนา หลวงพ่อปกครองวัดศรีมหาราชาเป็นระยะเวลายาวนานถึง ๕๑ ปีจึงปรากฏผลงานในการบูรณะและก่อสร้างเสนาสนะต่างๆในวัดศรีมหาราชา และที่วัดเกาะลอย มากมาย ดังที่ได้ปรากฏอยู่จนถึงปัจจุบัน

ผลงานเด่นของท่านคือการสร้างอุโบสถ ที่ใช้เวลาสร้างนานสิบกว่าปีใช้เงิน ๒๐ ล้านบาท เสนาสนะอื่นๆ เช่น ศาลาหลังใหม่ใช้เงินสร้าง ๔ ล้านบาท เมรุเผาศพใหม่ ใช้เงินสร้าง ๓ ล้านบาท เป็นต้น

หลวงพ่อเป็นผู้ที่มีความสันโดษ พูดจาสุภาพ ไม่ถือตัว ท่านจะพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆเป็นที่น่าฟังแก่ผู้ที่ไปกราบนมัสการท่าน จึงเป็นที่กล่าวขวัญ จนผู้ต่างจังหวัดยังต้องเดินทางมากราบนมัสการท่านและต่อไปก็มาหาท่านอยู่ประจำ

หลวงพ่อมีลูกศิษย์มากมาย นับตั้งแต่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ ตลอดจนประชาชนทั่วไป วันหนึ่งๆ มีผู้มาหาท่านเป็นจำนวนมาก ท่านจะมีรอยยิ้มให้กับทุกคนที่มาหาท่าน 

 

หลวงพ่อเป็นแบบอย่างของความวิริยะอุตสาหะ แม้ท่านชราภาพมากแล้ว ท่านก็ยังบากบั่นอดทน สร้างความเจริญทางวัตถุ บูรณะปฏิสังขรวัดไปพร้อมๆกับปฏิรูปจิตใจคน โดยมิได้เห็นแก่ลาภสักการะใดๆ ท่านจึงเป็นที่รักใคร่ของชาวศรีราชาและศิษยานุศิษย์

เมื่อย่างเข้า ๘๐ ปี  สุขภาพท่านไม่ค่อยแข็งแรง เนื่องจากมีเวลาพักผ่อนน้อย ปลายปี ๒๕๓๔ ท่านเข้ารับการรักษาสุขภาพที่โรงพยาบาลสมเด็จฯ ณ ศรีราชา แพทย์ตรวจพบว่าท่านป่วยเป็นโรคถุงลมโป่งพอง และได้รับการรักษาจนมีอาการดีขึ้น ศิษยานุศิษย์ต่างดีใจ จึงจัดงานฉลองวันเกิดครบรอบ ๗๙ ปีให้ท่าน ในวันที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๕

ในวันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ หลวงพ่อผิว ต้องเข้าโรงพยาบาลอีก อาการของท่านมีแต่ทรงกับทรุดจนกระทั่งในวันที่ ๑๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๗ หลวงพ่อผิว ก็มรณะภาพ สิริอายุได้ ๘๑ ปี

 

Visitors: 63,848